สวัสดีจ้า ...
ตอนนี้ เป็นตอนที่ 4 แล้ว สำหรับ ซีรีส์ คู่เลิฟตะลอนกินลงใต้ ของเรา ตอนนี้ เรามาถึงจุดหมายปลายทางของเราแล้ว คือ เบตง นั่นเอง ...
โอเค เบตง ทำไมต้อง โอเค ผมไม่แน่ใจ แต่ถ้าถ้าจำไม่ผิด จะเคยมีภาพยนตร์เรื่องนึง ใช้ชื่อเรื่องว่า โอเค เบตง เรื่องราวก็จำไม่ได้แน่ชัด แต่รู้ว่ามีอุโมงค์แน่ๆ 55 ผมก็ไม่เคยคิดว่าวันนึงจะมีโอกาสได้มาเมืองแห่งนี้ ถ้าไม่ได้ภรรยาเป็นคนที่นี่ ไม่รู้จะมีโอกาสได้มาหรือเปล่า อิอิ
เบตง เมืองเล็กๆ แต่มีเสน่ห์ มีความหลากหลาย มีความเจริญรุ่งเรืองกว่าหลายๆ เมืองทางภาคใต้ อาหารการกินหลากหลายมาก จีน ไทย ใต้ ฝรั่ง มาเลย์ โอยย เยอะ 55 ด้วยความที่เป็นเมืองติดชายแดน มีด่านเข้าออกชายแดนไปมาเลย์ จึงสร้างความเจริญให้กับเมืองนี้ ชุมชนที่นี่ค่อนข้างเข้มแข็ง เพราะเศรษฐกิจดี มีนักท่องเที่ยวคนจีนมาเลย์มาเที่ยวเยอะมาก ไม่แปลกที่กลางคืนที่นี่จะไม่เคยหลับไหล หุๆ มาครั้งนี้ก็เลยลองไปเที่ยวในตัวเมืองเบตงกันดูว่ามีอะไรน่าสนใจบ้างครับ
เริ่มด้วย นี่เลย ทะเลหมอก เมืองเบตง สถานที่เที่ยวแห่งใหม่ ที่พึ่งโปรโมทกัน จุดชมวิวเข้าไมโครเวฟ บริเวณบ้าน กม.32 ก็คือมาจากเมืองเบตงประมาณ 32 กิโลเมตร นั่นแหละครับ แนะนำสำหรับใครที่จะมา คือเนื่องด้วยตอนที่ไป ถนนแคบมาก ไม่มีจุดกลับรถเลย ต้องขึ้นไปกลับด้านบน จอดข้างทางเท่านั้น ซึ่งใครไม่ชำนาญต้องระวังหน่อยนะครับ แต่ไม่แน่ว่าตอนนี้จะมีการจัดสรรที่หรือยัง เพราะมีหน่วยงานมาคอยอำนวยความสะดวกอยู่
วิวสวยๆ แต่คนก็เยอะด้วยเช่นกัน 55
อีกฝั่งของเขาไม่มีหมอกเลย
สังเกตว่า จุดที่มีทะเลหมอก น่าจะอยู่บนผิวทะเลสาปของป่า ฮาลา บาลา จากภาพด้านบน อีกฝั่งของเขาจะไม่มีหมอกเลยครับ
พระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้ว
เต็มไปด้วยหมอก
เหตุผลที่เรียกเขาไมโครเวฟ ก็เพราะนี่แหละครับ บนเขามีต้น เอ้ย เสาส่งสัญญาณอยู่ ชาวบ้านคงเรียกไมโครเวฟ ก็เลยตั้งชื่อเขาซะเลย อิอิ ขากลับลงมา จะมีอีกจุดนึงที่วิวสวยไม่แพ้กัน คนเยอะทีเดียว ไม่ได้เก็บภาพมาครับ เพราะถ่ายไม่ทัน จุดนี้จะมีร้านขายของด้วย เห็นพระอาทิตย์ชัดเหมือนกันไม่ต้องไปถึงยอดเขา ลองดูกันนะครับ ถ้ามีโอกาสได้มา ..
กลับจากชมวิวทะเลหมอก ก็เข้ามาเที่ยวในตัวเมืองกันบ้าง เช้าๆ แบบนี้ก็ต้องเข้าวัดกันก่อนนะครับ
วัดที่ใหญ่และสวยงามที่สุดในเมืองก็คงจะเป็นวัดนี้ครับ วัดพุทธาธิวาส เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี
ปากทางเข้าวัด ซุ้มประตูสวยงามครับ
โบสถ์สีขาว สวยงาม
พระพุทธรูปองค์ใหญ่
และมีเจดีย์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในภาคใต้ครับ พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ
เป็นเจดีย์แบบทวารวดีศรีวิชัย สีเหลืองทอง สวยงามมากครับ
วันนี้เรามีแก๊งค์ลูกๆ ของเรา พาเที่ยวด้วยนะครับ อิอิ
ตึกสมาคมฮกเกี้ยน เรียกได้ว่าที่เมืองนี้มีชาวจีนฮกเกี้ยนมาตั้งถิ่นฐานอยู่ไม่น้อยทีเดียวครับ พ่อตาผมก็พูดได้ภาษานี้
ขับรถดูตึกรามบ้านช่องของที่นี่ สงสัยจะเป็นช่วงสีสันแดนใต้ ตึกสีเหลืองอร่ามเชียว
ไฮไลท์อีกอย่างของเมืองนี้ก็คือ อุโมงค์เบตง นี่แหละครับ รถยนต์ผ่านได้ ทางทะลุไปอีกฝั่งของเขา ซึ่งบนเขาก็จะมีสนามกีฬา พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ
เซลฟี่กันสักภาพนึง
ภายในอุโมงค์ สักภาพนึง
ถ้าขึ้นไปบนเขาที่อุโมงค์ตัดผ่าน ก็จะมีอาคารพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเราสามารถเข้ามาชมวิวเมืองได้จากจุดนี้ครับ จะเห็นว่าเมืองจะถูกโอบล้อมด้วยหุบเขา ตรงกลางนี่คือเป็นเหมือนแอ่งกะทะ และเมืองก็ดูเจริญมากทีเดียวครับ
อีกปลายอุโมงค์ จะเจอสัญญลักษณ์อีกอย่างของเบตง ก็คือ ไก่เบตง ซึ่งเป็นไก่พันธุ์พื้นเมือง ตอนนี้ก็หายากแล้วล่ะครับ
สระว่ายน้ำมาตรฐานก็มีนะครับ เพ้นท์รูปสวยงาม เมืองนี้มีนกนางแอ่นเยอะนะครับ แต่เป็นแบบที่ไม่ได้ทำรัง สระแอบเขียวหน่อยช่วงนี้หน้าฝน เลยไม่ได้ทำความสะอาดครับ
ถ้าลงเขามาอีกทางก็จะพบกับวัดนี้ วัดกวนอิม มีเจดีย์แปดเหลี่ยม ตั้งอยู่กลางเนินทางลงเลยครับ ทางค่อนข้างชันไปนิด
ออกไปดูนอกเมืองกันหน่อยไม่ไกลมาก แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเบตงอีกแห่งหนึ่งก็คือ บ่อน้ำพุร้อนเบตง ครับ
ที่นี่ห่างจากตัวเมืองไม่ถึง 10 กม. มีการปรับภูมิทัศน์ให้สวยงามให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชม
มาบ่อน้ำพุร้อน สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ ต้มไข่กิน นั่นเอง 55 ไม่ต้องเตรียมมานะครับร้านแถวนี้มีขายพร้อม
ใส่ทั้งถุงนั่นเลยครับ เค้าเจาะรูไว้แล้ว มีเชือกให้เสร็จ หย่อนประมาณ 5 นาทีก็ได้ทานกันแล้วครับ
บ่อที่ต้มไข่ อุณหภูมิจะสูงมากนะครับ ไม่ให้ลงแช่ เดินไปกลิ่นกำมะถันคลุ้งพอสมควร
ที่ลงแช่ได้แบบไม่เสียเงิน จะเป็นบ่อเล็กๆ ที่น้ำอุณหภูมิสามารถหย่อนขาลงแช่ได้ครับ แต่สำหรับใครที่อยากแช่ทั้งตัว ผมไม่แน่ใจว่ามีบริการหรือเปล่า เห็นมีส่วนของที่พักที่ทำไว้ แต่ไม่ได้เข้าไปสอบถามครับ ไว้จะลองถามอีกที ขออภัยนะครับ
กินไข่ ก่อนกลับก็ถ่ายภาพกับพร็อพที่เค้าเตรียมไว้หน่อย ไก่เบตง อิอิ
เนื่องจากเป็นเมืองติดชายแดน แน่นอน เราก็ต้องไปเที่ยวด่านชายแดนกันหน่อย ถนนเส้นนี้ตัดใหม่ เพื่อไม่ต้องผ่านตัวเมืองครับ สามารถไปด่านได้เลย
ด่านศุลกากรเบตง ข้ามฝั่งไปอีกนิดก็มาเลย์แล้ว มีดิวตี้ฟรีให้ช้อปด้วยนะครับ
ถึงแล้ว ใต้สุดเขตแดนสยาม
หลักเขต มีทั้งเก่าและใหม่ หุๆ
ที่ระลึกสักภาพ
เมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม แต่อยู่ร่วมกันได้ ไม่เฉพาะวัดไทย สมาคมจีน แม้แต่มัสยิด ก็สวยงามไม่แพ้กัน
ที่มาของภาพนกนางแอ่น ตกเย็น ค่ำๆ จะมีนกมาเกาะสายไฟย่านหอนาฬิกา กลางเมืองเยอะมาก ไม่รู้มาจากไหนกันครับ จอดรถก็ระวังนิดนึงนะครับ อิอิ
สีสัน ยามค่ำคืน ที่นี่มืดๆ ก็ยังมีนักท่องเที่ยว คนที่นี่ออกมาจิบน้ำชา มาหาของอร่อยๆ ยามค่ำคืนกินกัน ไม่เงียบเลยเมืองแห่งนี้
มีประดับไฟช่วงปีใหม่ด้วย
หอนาฬิกายามค่ำคืน ก็สวยงามไม่แพ้เมืองไหนๆ เช่นกัน ลาไปด้วยภาพนี้แหละครับ
จริงๆ ยังมีอีกหลายที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ แต่ต้องออกนอกเมืองไปสักหน่อย ไม่ว่าจะเป็นป่า ฮาลาบาลา บ้านปิยมิตร ที่เป็นหมู่บ้านของคอมมิวนิสต์สมัยก่อน สวนดอกไม้เมืองหนาวบนยอดเขา ไว้มีเวลามาอีกครั้งจะรีวิว ให้ได้ดูกันนะครับ
จบตะลอนเมืองเบตงไว้ตรงนี้ก่อน แต่เรายังมีเรื่องอาหารการกิน ที่จะพาไปดูว่าคนที่นี่ทานอะไรกันบ้าง อิอิ รวมไปถึง เราจะพาไปเที่ยวปีนัง ประเทศมาเลเซีย แบบ One Day Trip เพราะไปจากที่นี่มันง่ายนิดเดียว อย่าลืมติดตามกันนะครับ ขอบคุณครับ
*****************************************************************************
กินที่เราอยากกิน เที่ยวที่เราอยากไป ขอให้มีความสุขกับทุกทริปกันนะจ๊ะ
#คู่เลิฟตะลอนกิน
Facebook : คู่เลิฟตะลอนกิน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น