ไฮ้ ... คนนิจิวะ
เปิดมาก็ทักทายเป็นภาษาญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว เพื่อให้เข้ากับทริปล่าสุดของเรา คู่เลิฟตะลอนญี่ปุ่น ไฮ้
ทริปนี้เป็นการกลับไปญี่ปุ่นอีกครั้งหลังจากไปครั้งแรกเกือบ 10 ปี หลังจากมีเรื่องราวเกิดขึ้นมามากมายในช่วงเวลาที่ผ่านมา และก็พึ่งจะได้กลับไปอีกครั้งรอบนี้นี่เอง
ตอนไปครั้งแรกของเราช่วงนั้นยังต้องขอวีซ่าอยู่เลย ข้อมูลรีวิวต่างๆ ก็จะไม่เยอะเหมือนตอนนี้ ที่มีข้อมูลรีวิวให้ค้นหากันเยอะมากๆ เรียกได้ว่าไปกลับมาแล้วยังเหมือนว่าไปไม่ถึง เพราะมาเจอรีวิวใหม่ๆ เอ๊ะ ทำไมเราพลาด ร้านนี้ ร้านนั้นยังไม่ได้ไปเลย ทำให้มันต้องไปหลายรอบยังไงล่ะ ประเทศนี้น่ะ ที่เรียกว่า ญี่ปุ่น ...
![]() |
คู่เลิฟพร้อมแล้วจ้า |
![]() |
แก๊งค์สามช่าแห่ง #เหล้าบ๊วยท่องโลก |
ทริปนี้เราไปกันเป็นแก๊งค์ในชือแก๊งค์ #เหล้าบ๊วยท่องโลก เดินทางวันแรกไปกัน 3 คนก่อน ที่เหลือจะตามมาสมทบอีกวันนึง
ช่วงที่เราไปเยือนญี่ปุ่นรอบนี้คือช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ไม่ได้มีเทศกาลอะไร ใบไม้เปลี่ยนสีไปแล้ว ซากุระก็ยังไม่บาน มีแต่ความหนาวเย็น และหิมะเท่านั้น 555
วันแรกเราแก๊งค์ 3 ช่า ออกตะลุยกันก่อน วางแผนมาอย่างดิบดี เตรียมรับมือกับความหนาวเย็นมาระดับหนึ่ง เพราะคิดว่าอยู่แต่ในเมือง ดูพยากรณ์มาแล้วว่าจะมีฝนตกช่วงบ่ายๆ ในโตเกียว ก็แอบเซ็งเล็กน้อย แต่ก็เอาวะถ้าตกจะได้ไปเดินในห้างหรือที่เดินที่มีหลังคาเอาแทน แต่พอเครื่องลงก็เห็นฟ้ามืดมาแต่ไกล และมีฝนตกตั้งแต่ลงสนามบินเลยจ้า ซึ่งตอนนั้นกำลังคิดว่าความหนาวด้านนอกมันจะขนาดไหน หุๆ
แพลนของเราช่วงเช้าจะไปเดินเล่นย่าน Asakusa เลยไป SkyTree กลับมา Ueno และ Yanaka-Ginza ช่วงบ่ายๆ จะไปเช็คอินเข้าที่พักย่าน Shinjuku ที่จองไว้จาก Airbnb และจะออกไปเดินย่าน Kichijoji และกลับมา Shinjuku และเข้าที่พัก วางแผนไว้คร่าวๆ ประมาณนี้ครับ
หลังจากลงเครื่องเราก็เดินชิลๆ มาที่ ตม. มาถึงคิวยาวมากกก ใช้เวลาพอสมควรทีเดียว แต่ก็มีเจ้าหน้าที่มาคอยจัดคิวจัดแถวเพื่อให้เร็วที่สุด อันนี้สังเกตุ จะมีเจ้าหน้าที่แนะนำเรื่องการกรอกใบขาเข้าด้วย และเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องแถวจัดแถวซึ่งจะเป็นคนที่มีอายุหน่อย น่าสนใจที่สามารถจัดงานที่เหมาะสมกับคนสูงอายุที่ยังคงสามารถทำงานได้ ให้มีอะไรทำ เห็นว่าบ้านเราก็เริ่มมีโครงการแบบนี้แล้ว ก็รอดูผลงานกันครับ
ผ่าน ตม. เสร็จเราก็ลงไปชั้นล่างเพื่อนั่งรถไฟเข้าเมือง เราเลือกใช้บริการของ Keisei SkyLiner จองตั่วออนไลน์มาจากเมืองไทยแบบไปกลับพร้อมกับบัตร 24Hours Pass จะถูกหน่อยและคุ้มดีครับ อีกเหตุที่เลือกเพราะขากลับเราต้องรีบออกจากโตเกียวเช้าหน่อย แล้วรอบเช้าของ SkyLiner รอบแรกยังสามารถไปทันเช็คอินได้ครับ (การจองตั๋วออนไลน์ไม่ยาก มีคนทำรีวิวไว้เยอะละครับ ลองหาอ่านดูกัน ของผมก็อ่านข้อมูลจากเว็บ D-Plus นี่แหละครับ)
ทีแรกกะจะหาไรกินสักแป๊ปค่อยไปแลกตั๋วรถไฟ ปรากฏว่าเดินไปดูตาราง ตายละเที่ยวถัดไปอีก 15 นาที ไม่งั้นต้องรออีกหนึ่งชั่วโมง รีบเลยทีนี้ ต้องรีบไปแลกตั๋วที่เคาท์เตอร์ของ Keisei (หารีวิวอ่านได้) เสร็จแล้วก็รีบแยกย้ายไปซื้อของกินจากเซเว่น เพื่อขึ้นไปกินบนรถไฟ รูปเริปไม่ต้องถ่ายกันพอดี 55
![]() |
ได้ขึ้นรถไฟละ สบายใจ บนรถอุ่นมากครับ 55 |
![]() |
เมนูนี้เกือบดีละครับ หมูทอดดูร่วนๆ แป้งๆ ไปนิด |
![]() |
ปังเมล่อน จากแฟมิลี่ พอได้ๆ |
![]() |
กาแฟร้อน สังเกตแก้วจะดีไซน์ผิวขรุขระ เพื่อให้ไม่ลื่นหลุดมือได้ง่าย และไม่ร้อนครับ ง่ายๆ เค้าคิดได้แต่เรายัง 55 |
หลังจากลงสุดสายที่สถานี Ueno ซึ่งเป็นสถานีของ Keisei และเดินพอสมควรถ้าจะไปที่สถานี Ueno ของ JR Yamanote Line แต่มีทางเดินใต้ดินที่สามารถเดินถึงกันได้ครับ
เราจะไปฝากกระเป๋าไว้ที่ Locker ตรงนี้ขอให้สังเกตนิดนึงนะครับ การจะฝาก Locker ในสถานีต่างๆ
ถ้าเราจะฝาก Locker แบบหยอดเหรียญ อย่าลืมเตรียมเหรียญไปนะครับ และที่สำคัญ เหรียญ 100 เยนยิ่งดีครับ ไม่งั้นต้องไปหาตู้แลก ลำบากเลย
แต่ถ้าตู้ Locker ที่ใช้พวกการ์ดต่างๆ ก็ไม่ต้องเตรียมเหรียญแต่ต้องเติมเงินไว้ก่อน และต้องหาแผนผังของสถานีว่าจะหาตู้แบบนี้ได้มุมไหน ซึ่งจุดนี้เราเสียเวลาไปพอสมควรเลย กว่าจะหา Locker เจอเพราะเป็นสถานีใหญ่ เหอๆ
หลังจากฝากกระเป๋าไว้กับ Locker แล้ว ก็นั่งรถไฟใต้ดินใช้บัตร 24Hours Pass เลย เริ่มใช้เวลาไหนหมดเวลานับไปอีก 24 ชั่วโมงถัดไปครับ ถือว่าคุ้มมาก
เรานั่งรถไฟใต้ดินไปยัง Asakusa กันเลยครับ
ที่สถานีมีจัดพื้นที่เล็กๆ แสดงเกี้ยวที่ใช้ในงานของย่านนี้ด้วยครับ สวยงามมาก
หลังจากออกจากรถไฟใต้ดินขึ้นมาด้านบนเท่านั้นแหละครับ ความหนาวที่แท้จริงเริ่มทะลุทะลวงทุกสิ่งเข้ามา บรึ้ย ไม่ไหว เราเลยไปตั้งหลักที่ Asakusa Culture Tourist Information Center กันก่อน ที่นี่เป็นอาคารสูง 8 ชั้น ด้านบนจะสามารถขึ้นลิฟท์ไปชมวิวได้ฟรี มีพื้นที่ฟรี กับพื้นที่เป็นร้านคาเฟ่ ที่ต้องสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มคนละ 1 อย่างถึงนั่งในร้านได้
มุมมองจากชั้น 8 ของอาคาร Tourist Information Center จะสามารถมองเห็นรอบๆ บริเวณนี้เลย รวมไปถึง Sky Tree ด้วย แต่อย่างที่เห็นครับ วันนี้อากาศปิด ขนาดยอดของ Sky Tree ยังมองไม่เห็นเลย แสดงว่าวันนี้เราคงต้องพลาดไปอย่างหนึ่งละครับ
![]() |
ถ่ายด้านนอกไม่เห็นไรเลย เอามุมในอาคารละกันนะ |
![]() |
สั่งคนละ 1 อย่างก็ได้ชมวิวละครับ นั่งอุ่นๆ จิบชาพร้อมขนมเบาๆ เพื่อคลายความหนาว |
![]() |
มุมนี้ถ่ายจากร้านบนชั้น 8 นี่แหละครับ จะมองเห็นถนน Nakmise Dori และวัดเซนโซจิ ครับ |
หลังจากพักเอาไออุ่นสักพัก ก็ลงไปเดินต่อครับ เป้าหมายคือเข้าไปไหว้พระที่วัดเซนโซจิ กัน
![]() |
เริ่มจากโคมใหญ่ต้นถนน Nakamise Dori กันก่อน |
เดินหาไป หามา เจอร้านนี้ก็กินล่ะครับ ดูเข้าท่าดี
![]() |
หน้าร้าน เจ้าของร้านออกมาต้อนรับอย่างดี |
![]() |
เมนูนี้พิเศษตรงไข่ จะเป็นไข่แดงแฝดจากจังหวัดไรไม่รู้ครับ แต่จะไข่แดงจะเป็นแบบนี้ทุกฟอง หุๆ |
![]() |
หนาวๆ ได้ราเมนร้อนๆ สะใจมาก |
![]() |
เจ้าของร้านใจดีมาก ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อย |
กินอิ่มแล้ว อบอุ่นแล้วก็เดินเล่นเก็บบรรยากาศแถวๆ วัดหน่อย ท่ามกลางสายฝนนิดๆ หน่อย หุๆ
![]() |
ข้างๆ ร้านราเมน จะมีรูปปั้นนี้อยู่ ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับงานประเพณีของย่านนี้หรือเปล่านะครับ |
![]() |
ได้มาถึงหน้าวัดซะที ถ่ายรูปกับสัญลักษณ์ประจำวัดนี้กันหน่อย ด้านในวัดคนเยอะมาก ฝนก็ปรอย เลยไหว้พระจากตรงนี้ละกันนะครับ |
![]() |
อีกมุมห่างๆ ผู้คนกันหน่อย อิอิ |
![]() |
ร้านแรก |
![]() |
เอ้า เจอร้านสอง สังเกตคุณลุง |
![]() |
ป้ายร้านที่สอง ของคุณลุงเขียนไว้แบบนี้ 55 |
![]() |
ของร้านคุณลุง |
![]() |
ของร้านแรก |
ลองชิมๆ ดู ก็เหมือนร้านคุณลุงจะอร่อยกว่านะครับ ยังไงใครผ่านไปแถวนั้นก็ลองชิมกันดูละกันนะครับ หุๆ ถ้าเป็นบ้านเรา ก็ขายเหมือนๆ กันเต็มไปหมด ไม่รู้ร้านไหนร้านแรกกันเลยทีเดียว นี่ยังดีมีแค่สองร้านเท่านั้น
ก่อนกลับก็เก็บภาพรอบๆ Asakusa กันสักนิด
หลังจากเดินสักพักก็ทนไม่ไหวกับความหนาวเย็น กลับตอนนี้บ่ายกว่าๆ แล้ว เราเลยตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายไปเดินเล่นในตึกแทน มุ่งหน้าไปย่านที่เป็นเป้าหมายของผมเลยทริปนี้กับ Akihabara .. กันดั้มรอ อยู่ อิอิ
จาก Asakusa ก็นั่งรถไฟใต้ดินไปยัง Akihabara กันครับเปลี่ยนสายที่ Ueno ที่เดิม
มาย่านอากิฮาบาระ ไม่ได้เดินที่ไหนเลย เพราะฝนตกถึงขั้นเป็นเกร็ดน้ำแข็งเกือบจะหิมะอยู่แล้วครับ หนาวมาก ขึ้นรถไฟใต้ดินมาก็มุ่งหน้าชั้น 6 ห้าง Yodobashi เลยครับ ติดสถานีเลยเดินไม่ไกล
ชั้น 6 ของห้าง Yodobashi มีของเล่นมากมาย หลายแบบเลยครับ
ก่อนกลับก็เก็บภาพรอบๆ Asakusa กันสักนิด
![]() |
ภาพนี้ถ่ายจากสะพานแดง Asumabashi วิวบนแม่น้ำสุมิดะ |
![]() |
ภาพตึกอาซาฮี บนสะพานแดง ฟ้าปิดมากๆ เลยครับวันนี้ |
จาก Asakusa ก็นั่งรถไฟใต้ดินไปยัง Akihabara กันครับเปลี่ยนสายที่ Ueno ที่เดิม
มาย่านอากิฮาบาระ ไม่ได้เดินที่ไหนเลย เพราะฝนตกถึงขั้นเป็นเกร็ดน้ำแข็งเกือบจะหิมะอยู่แล้วครับ หนาวมาก ขึ้นรถไฟใต้ดินมาก็มุ่งหน้าชั้น 6 ห้าง Yodobashi เลยครับ ติดสถานีเลยเดินไม่ไกล
![]() |
เจอเจ้าตัวนี้หน้าร้าน Gundam Cafe |
![]() |
ฟิกเกอร์ ก็มีโชว์ในตู้ |
![]() |
สินค้าพรีเมี่ยม น่าเก็บ |
ตกใจ เจอกองทัพโคลน 55
ช่วงนี้กองทัพโคลนบุก รีบหนีดีก่า
เนื่องจากฝนตก หนาวมาก จากนี้ก็ผิดแผนตลอดเลยครับ เราตัดสินใจกลับไปเอากระเป๋า เพื่อเข้าที่พักกันก่อน กระเป๋าฝาก Locker ไว้ที่ Ueno แล้วก็นั่งรถไฟไป Shinjuku ทั้งเปียก ทั้งหนาว ลากกระเป๋าไปที่พัก เดินไกลหน่อย เพราะเป็นอพาร์ทเม้นต์ ต้องเงียบ เลยไม่ได้เก็บภาพที่พักมารีวิวเลยครับ เหอๆ
สุดท้ายออกจากที่พักเดินมา Shinjuku ก็ไกลเอาเรื่องอยู่ครับ 1 สถานีรถไฟ เดินเล่นนิดหน่อยก็ไม่ไหว หนาวเหน็บ หาไรร้อนๆ เจอร้านอุด้ง แนวเดียวกับร้าน มารุกาเมะ ที่มีสาขาในไทย ก็เลยจัดก่อนเลย หนาวไม่ไหวละ
อุด้ง ร้านนี้ให้น้ำซุปน้อยไปนิด เลยไม่ได้ซดน้ำซุปร้อนๆ ให้สะใจเลย แต่ก็อร่อยดีนะครับ ร้านแนวนี้มีหลายร้านในญี่ปุ่น รสชาติอาจจะไม่แตกต่างกันมาก เจอที่ไหนเข้าได้เลย ถ้าเอาสะดวกๆ สั่งง่าย
อิ่มแล้วก็เดินเล่นนิดหน่อย เพราะฝนยังตกอยู่ เดินไม่นานก็กลับแล้วครับวันแรกผิดหวังนิดหน่อย เพราะเจอฝนนี่แหละ ฝนไม่เท่าไรแต่มันหนาวนี่สิ เหอๆ
หาไรกินแก้หนาวก่อนนอนดีกว่า หุๆ
ส่วนของคุณหมวยน้อย จัดนมก่อนนอน แหม่ ฝันดีนะจ๊ะ 55
งั้นก็ขอจบวันแรกไปตรงนี้เลยละกัน ไว้ตอนหน้าจะไปรวมตัวกับเดอะแก๊งค์ แล้วขับรถออกนอกเมืองกันละครับ รอติดตามกันนะครับ สวัสดี ราตรีสวัสดิ์ ....
*****************************************************************************
กินที่เราอยากกิน เที่ยวที่เราอยากไป ขอให้มีความสุขกับทุกทริปกันนะจ๊ะ
#คู่เลิฟตะลอนกิน
Facebook : คู่เลิฟตะลอนกิน
กินที่เราอยากกิน เที่ยวที่เราอยากไป ขอให้มีความสุขกับทุกทริปกันนะจ๊ะ
#คู่เลิฟตะลอนกิน
Facebook : คู่เลิฟตะลอนกิน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น